ประเทศบูรไนดารุสซาลาม
ชุดประจำชาติบรูไน
•
ผู้หญิง :
•
สวมเสื้อคลุมยาว ที่เรียกว่า
"บาจูกูรง"
•
ใส่กระโปรงมิดชิด
•
สวม "ฮิญาบ"
ผ้าคลุมศีรษะสำหรับหญิงอิสลาม
•
ผู้ชาย :
•
สวมเสื้อแขนยาว คอปิด
•
กางเกงขายาว มีผ้าพันรอบเอว
•
สวมหมวก หรือมีผ้าพันศีรษะ
•
อาหารประจำชาติบรูไน
•
อัมบูยัต
เป็นอาหารยอดนิยมของบรูไนมีลักษณะเด่นอยู่ที่ตัวแป้งจะเหนียวข้นคล้ายข้าวต้ม
หรือโจ๊กโดยมีแป้งสาคูเป็นส่วนผสมหลัก ตัวแป้งอัมบูยัตเอง
ไม่มีรสชาติแต่ความอร่อยจะอยู่ที่การจิ้มกับซอสผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวนอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงอีก
2-3 ชนิด เช่น ผักสด เนื้อห่อใบตองย่างหรือเนื้อทอด ทั้งนี้การรับประทานอัมบูยัตให้ได้รสชาติ
ต้องรับประทานตอนร้อน ๆจึงจะดีที่สุด
ประวัติของประเทศบรูไน
•
บรูไน หรือ เนการาบรูไนดารุสซาลาม
เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ชายฝั่งทางด้านเหนือจรดทะเลจีนใต้ พรมแดนทางบกล้อมรอบด้วยรัฐซาราวัก มาเลเซียตะวันออก
บรูไนเป็นที่รู้จักและมีอำนาจมากในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16
โดยมีอาณาเขตครอบครองส่วนใหญ่ของเกาะบอร์เนียวและส่วนหนึ่งของหมู่เกาะซูลู
มีชื่อเสียงทางการค้า สินค้าส่งออกที่สำคัญในสมัยนั้น ได้แก่ การบูร พริกไทย
และทองคำที่เหลือจากนั้นถูก
•
หลังจากนั้นบรูไนเสียดินแดนและเสื่อมอำนาจลงเนื่องจากสเปน
และฮอลันดาได้แผ่อำนาจเข้ามาจนถึงสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในปี พ.ศ. 2431
(ค.ศ.
1888) ด้วยความวิตกว่าจะต้องเสียดินแดนต่อไปอีก บรูไนจึงได้ยินยอมเข้าอยู่ภายใต้อารักขาของอังกฤษ
และต่อมาในปี พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906) บรูไนได้ลงนามในสนธิสัญญายินยอมอยู่เป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษอย่างเต็มรูปแบบ
•
ในปี พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929)
บรูไนสำรวจพบน้ำมันและแก๊สธรรมชาติที่เมืองเซรีอา
ทำให้บรูไนมีฐานะมั่งคั่งในเวลาต่อมาในปี พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962)
ได้มีการเลือกตั้ง
ซึ่งพรรคประชาชนบอร์เนียว (Borneo People’s Party) ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น
แต่ถูกกีดกันไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล ต่อมาจึงได้ยึดอำนาจจากสุลต่าน
แต่สุลต่านทรงได้รับความช่วยเหลือจากกองทหารกูรข่าที่อังกฤษส่ง
•
มาจากสิงคโปร์
หลังจากนั้นได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน และต่ออายุทุก ๆ 2 ปี
เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันหลังจากที่อยู่ภายใต้อารักขาของอังกฤษมาถึง 95 ปี
บรูไนก็ได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984)
ข้อมูลทั่วไปของบรูไน
•
ชื่อทางการ :
เนการาบรูไนดารุสซาลาม
•
เมืองหลวง: บันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar
Seri Begawan)
•
ที่ตั้ง:
ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือบนเกาะบอร์เนียว ในทะเลจีนใต้ แบ่งออกเป็น 4 เขต คือ
เขต Brunei-Muara เขต Belait เขต Temburong และเขต Tutong
•
พื้นที่: 5,765
ตารางกิโลเมตร เป็นผืนแผ่นดิน 5270 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่ 70% เป็นป่า เขตร้อน)
และเป็นผืนน้ำ 500 ตารางกิโลเมตรโดย
•
ดินแดนอาณาเขต: รวม 381 กิโลเมตร
มีดินแดนอาณาเขตติดกับประเทศมาเลเซียทั้งหมด
•
เขตชายฝั่ง: 161 กิโลเมตร
•
ภูมิอากาศ: อากาศโดยทั่วไปค่อนข้างร้อนชื้น
มีปริมาณฝนตกค่อนข้างมาก และมี อุณหภูมิอบอุ่น โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 28
องศาเซลเซียส
•
ภูมิประเทศ:
พื้นที่ชายฝั่งสูงขึ้นเป็นภูเขาทางทิศตะวันออก และเนินเขาต่ำทางทิศตะวันตก
•
ประชากร: 374,577 คน
(ประมาณการ ปี 2550)
•
สัญชาติ: ชาวบรูไน (Bruneian)
•
กลุ่มชนพื้นเมือง: มาเลย์ 67% จีน 15%
ชาวพื้นเมือง 6% อื่นๆ 12%
•
ศาสนา: ศาสนาประจำชาติ คือ อิสลาม 67%
และศาสนาอื่น ได้แก่ พุทธ 13% คริสต์ 10% และอื่นๆ 10%
•
ภาษา: ภาษามาเลย์ (Malay หรือ Bahasa
Melayu) เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็น ภาษาอังกฤษ และจีน
•
ธงชาติบรูไน:
ลักษณะของธงชาติมีพื้นสีเหลืองโดยมีแถบสีขาว และสีดำ
พาดตามแนวทแยงมุมจากด้านคันธงจรดปลายธง ซึ่งแถบสีขาวอยู่ด้านบน แถบสี
ดำอยู่ด้านล่าง ขณะที่กลางธงนั้น มีตราแผ่นดินของบรูไนประทับอยู่ ซึ่งสีต่าง ๆ
มีความหมาย ดังนี้ สีเหลือง หมายถึง กษัตริย์ สีขาว และสีดำ หมายถึง มุขมนตรี
สาเหตุที่ธงชาติบรูไนใช้สีเหลืองสื่อถึงกษัตริย์นั้น
เนื่องจากธงประจำพระองค์ของสุลต่านแห่งบรูไน ใช้ธงพื้นสีเหลือง
รัฐบาล
•
รูปแบบการปกครอง: สมบูรณาญาสิทธิราช
•
เขตการปกครอง: แบ่งเป็น 4 เขต คือ Brunei-Muara,
Belait, Temburong, Tutong
•
รัฐธรรมนูญ: 29 กันยายน 2502
•
ระบบกฎหมาย: ใช้หลักกฎหมายอังกฤษ สำหรับชาวมุสลิม
ใช้ Islamic Shari'a law แทน กฎหมายแพ่งในหลายสาขา
•
ฝ่ายบริหาร: ประมุขของรัฐ
สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซ ซัดดิน วัดเดาละห์ (His
Majesty Paduka Seri Baginda Sultan Haji Hassanal Bolkiahu’izzaddin Waddaulah) ทรงเป็นประมุขของประเทศ
ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2510
•
ฝ่ายบริหาร: ประมุขของรัฐ
สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซ ซัดดิน วัดเดาละห์ (His
Majesty Paduka Seri Baginda Sultan Haji Hassanal Bolkiahu’izzaddin Waddaulah) ทรงเป็นประมุขของประเทศ
ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2510
•
หัวหน้ารัฐบาล:
สมเด็จพระราชาธิบดีทรงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
•
คณะรัฐมนตรี:
แต่งตั้งและเป็นประธานโดยสมเด็จพระราชาธิบดี
•
การเลือกตั้ง: ไม่มี
สมเด็จพระราชาธิบดีสืบทอดตามตระกูล
ข้อมูลเศรษฐกิจ
ระบบเศรษฐกิจของบรูไนเป็นแบบตลาดเสรี ภายใต้การดูแลของรัฐ
รายได้หลักของประเทศมาจากน้ำมัน ประมาณ 48% และก๊าซธรรมชาติ ประมาณ 43%
นับเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 4 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รองจากอินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย คือประมาณ 2 แสนบาร์เรลต่อวัน
และผลิตก๊าซธรรมชาติได้มากเป็นอันดับ 4 ของโลก คือประมาณ 1.2
ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยมีบริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติ (Brunei National
Petroleum Company Sedirian Berhad หรือ Petroleum Brunei) ซึ่งจัดตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน
2544 เป็นหน่วยงานกำหนดนโยบายน้ำมันและก๊าซ
โดยมุ่งเน้นสร้างความมั่งคั่งด้วยการนำรายได้จากน้ำมันไปลงทุนในต่างประเทศ
หรือร่วมทุนกับต่างประเทศ โดยดำเนินการผ่าน Brunei Investment Agency (BIA)
ในรูปการถือหุ้นหรือซื้อพันธบัตรในยุโรป
สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเวียดนาม
โดยส่วนใหญ่อาศัยผู้เชี่ยวชาญจากสิงคโปร์เป็นผู้ให้คำปรึกษา
เนื่องจากสินค้าส่งออกหลักของบรูไน คือ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
(ส่งออกถึงร้อยละ 90 ของการส่งออกทั้งหมด) ทำให้บรูไนมีดุลการค้าเกินดุลมาโดยตลอด
สินค้าส่วนใหญ่ส่งออกไปยังญี่ปุ่น อังกฤษ ไทย สิงคโปร์ ไต้หวัน สหรัฐ ฟิลิปปินส์
และสาธารณรัฐเกาหลี ตามลำดับ ในขณะที่สินค้านำเข้าส่วนใหญ่มาจากสิงคโปร์ อังกฤษ
สหรัฐฯ และมาเลเซีย โดยเป็นสินค้าประเภทเครื่องจักรอุตสาหกรรม รถยนต์ เครื่องมือ
เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ และสินค้าเกษตร เช่น ข้าวและผลไม้
บรูไนมีอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่บ้าง
ได้แก่ การผลิตอาหาร เครื่องมือ และเสื้อผ้า
เพื่อส่งออกไปยังประเทศในยุโรปและอเมริกา ทั้งนี้
รัฐบาลบรูไนมุ่งที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารและผลิตเครื่องดื่ม
เสื้อผ้าและสิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ วัสดุก่อสร้างที่ไม่ใช่โลหะ
กระจกรถยนต์ เป็นต้น แต่ยังคงประสบอุปสรรคด้านการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะช่างฝีมือ
ซึ่งต้องอาศัยแรงงานจากต่างประเทศเป็นหลัก และตลาดภายในประเทศที่มีขนาดเล็ก
การเมืองการปกครอง
•
รัฐธรรมนูญปัจจุบันซึ่งแก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ 1
มกราคม 2527 กำหนดให้สุลต่านทรงเป็นอธิปัตย์ คือ เป็นทั้งประมุขของประเทศ
นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นชาวบรูไนมีเชื้อสายมาเลย์โดยกำเนิด และจะต้องเป็นมุสลิมนิกายสุหนี่
ทั้งนี้
•
นโยบายหลักของประเทศ ได้แก่ การสร้างความเป็นปึกแผ่นภายในชาติ
และดำรงความเป็นอิสระของประเทศ บรูไนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสิงคโปร์
แม้ว่าจะถูกโอบล้อมโดยมาเลเซียและอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศมุสลิมขนาดใหญ่ทางตอนใต้
เนื่องจากมีสถานะที่คล้ายคลึงกันกับสิงคโปร์หลายประการ เช่น การเป็นประเทศขนาดเล็ก
และมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศมุสลิมขนาดใหญ่
•
นับจากการพยายามยึดอำนาจเมื่อปี 2505
รัฐบาลได้ประกาศกฎอัยการศึก ยังผลให้ไม่มีการเลือกตั้ง
รวมทั้งบทบาทพรรคการเมืองได้ถูกจำกัดลงอย่างมาก จนปัจจุบัน พรรคการเมือง Parti
Perpaduan Kebangsaan Brunei (PPKB) และ Parti Kesedaran Rakyat (PAKAR) ไม่มีบทบาททางการเมืองมากนัก
เนื่องจากถูกรัฐบาลควบคุมด้วยมาตรการต่างๆ เช่น กฎหมาย Internal Security
Act (ISA) ซึ่งห้ามชุมนุนทางการเมือง
และอาจถูกถอดถอนจากการจดทะเบียนเป็นพรรคการเมืองได้ ตลอดจนห้ามข้าราชการ
ซึ่งมีจำนวนกว่าครึ่งของประชากรทั้งหมด เป็นสมาชิกพรรคการเมือง นอกจากนี้
รัฐบาลยังเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีพรรคการเมือง
เนื่องจากประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นหรือขอความช่วยเหลือจากข้าราชการของสุลต่านได้อยู่แล้ว
วัฒนธรรมประเทศบรูไน
สตรีชาวบรูไนจะแต่งกายมิดชิด นุ่งกระโปรงยาว เสื้อแขนยาว
และมีผ้าโพกศีรษะ คนต่างชาติ จึงไม่ ควรนุ่งกระโปรงสั้น และใส่เสื้อไม่มีแขน
ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าสีเหลือง เพราะถือเป็นสีของพระมหากษัตริย์
การทักทายจะจับมือกันเบาๆ และสตรีจะไม่ ยื่นมือให้บุรุษจับ
การชี้นิ้วไปที่คนหรือสิ่งของถือว่าไม่สุภาพ แต่ จะใช้หัวแม่มือชี้แทน
และจะไม่ใช้มือซ้ายในการส่งของให้ผู้อื่น สตรีเวลานั่งจะไม่ให้เท้าชี้ไปทางผู้ชาย
และไม่ ส่งเสียงหรือหัวเราะดัง
•
ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร
ภาษาราชการของบรูไนคือภาษามาเลย์ ซึงเป็นภาษาที่ชาวบรูไนใช้กัน
มากเนื่องจากชาวบรูไนร้อยละ 66 มีเชื้อสายมาเลย์
ชาวบรูไนส่วนใหญ่สามารถพูดภาษาอังกฤษ ได้
และสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อธุรกิจได้เช่นกัน รวมไปถึงภาษาจีนซึง
เป็นภาษาที่มีการใช้กันมาก เนื่องจากมีชาวบรูไนเชื้อสายจีนอยู่ถึงร้อยละ 11
การเรียนรู้ภาษามาเลย์จะช่วยสร้างความประทับใจให้คู่เจรจา ชาวบรูไนได้
•
การรับประทานอาหารร่วมกับชาวบรูไน โดยเฉพาะคู่เจรจาที่เป็นชาวมุสลิมควรระมัดระวังการสั่ง
อาหารที่เป็นเนื้อหมูและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
เนื่องจากผิดหลักปฏิบัติของศาสนาอิสลาม และอาจขอให้คู่
เจรจาชาวบรูไนช่วยเลือกร้านอาหาร ทั้งนี้บรูไนไม่มีวัฒนธรรมการให้ทิปในร้านอาหาร
ในกรณีที่เป็น ร้านอาหารขนาดใหญ่จะมีการเก็บค่าบริการเพิ่มร้อยละ 10 อยู่แล้ว
ระบบการศึกษา
•
ประเทศบรูไนดารุสซาลามไม่มีการศึกษาภาคบังคับ
แต่การศึกษาเป็นสากล และจัดให้ฟรีสำหรับประชาชนทั่วไป
การศึกษาแบ่งออกเป็นระดับก่อนประถมศึกษา 1 ปี ระดับประถมศึกษา 6 ปี
ระดับมัธยมศึกษา 7-8 ปี ซึ่งแบ่งเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 3 ปี
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 2-3 ปี และระดับเตรียมอุดมศึกษา 2 ปี และระดับมหาวิทยาลัย
3-4 ปี
•
รัฐบาลบรูไนมีแผนส่งเสริมการศึกษาให้กับนักเรียนต่างชาติเพื่อเข้ามาศึกษาในประเทศบรูไน
ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนซึ่งมีทุนการศึกษา
และโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนระหว่างกันของประเทศสมาชิกอาเซียน และทุนส่งเสริมการศึกษาของรัฐบาลบรูให้แก่ชาวต่างชาติ
ได้แก่ Brunei Darussalam Government Scholarship for the 2013/2014 ซึ่งจัดสรรโดยกระทรวงการค้าและการต่างประเทศของบรูไน
มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนต่างชาติและนักเรียนไทย
ศึกษาต่อยังประเทศบรูไนพร้อมเงินเต็มจำนวน
แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
•
พิพิธภัณฑ์โรยัลเรกกาเลีย
พิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการโหวตจากประเทศในอาเซียนว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าชมที่สุด
เป็นที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของสุลต่านองค์ปัจจุบัน อาทิ
เครื่องทรงทองคำในวันขึ้นครองราชย์และเครื่องบรรณาการจากผู้นำประเทศต่าง ๆ
มงกุฏทองคำ บัลลังก์ทองคำ เครื่องทรงทองคำ
รวมทั้งเครื่องราชย์มากมายที่พระองค์ได้รับ
•
มัสยิดทองคำ Jame Ar’ Hassanil Bolkiah
Mosque มัสยิดที่สง่างาม และศักดิ์สิทธิ์ของชาวบรูไน
ที่ใช้งบประมาณในการสร้างมหาศาล
โดยมีการนำเข้าวัสดุการก่อสร้างและตกแต่งจากทั่วทุกมุมโลกใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 7 ปี
มีห้องสวดมนต์ 2 ห้อง แยกชายและหญิง บันไดทางขึ้นแต่ละชั้นจะมี 29 ขั้น
ห้องละหมาดด้านบนตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยพรมสีเหลืองทองดูสว่างไสว
•
มัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟัดดิน
มัสยิดเก่าแก่อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบรูไน ตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน
มัสยิดหลังนี้ออกแบบและดำเนินการสร้างโดยสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟัดดินที่ 3
พระราชบิดาของสุลต่านองค์ปัจจุบัน สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1958
พระองค์ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปนิกสมัยใหม่ของบรูไน
มัสยิดนี้มีความงดงามจนได้ชื่อว่า มินิทัชมาฮาล
สัตว์ประจำชาติของบรูไน